www.555happyprathai.com
พระพุทธชินราช
พระคู่บ้านคู่เมืองจ.พิษณุโลก
ที่มีความงดงามที่สุดในโลก
 
            555HappyPraThai  ** สุขสร้างได้ ** 
 
 
 เช่าบูชาพระเครื่อง 555happyprathai สุขสร้างได้
หน้าเว็บขายสินค้าทั่วไป
โชว์พระเครื่อง
เช่าบูชาพระเครื่อง่
สถานะการจัดส่ง EMS
เรื่องเล่าสู่กันฟัง
 
     เรื่องเล่าสู่กันฟัง
ประวัติพระพุทธชินราชจังหวัดพิษณุโลก
ประวัติสร้างพระพุทธชินราช 2485 อินโดจีน
ตามรอย"พุทธทาส"ในมุมที่คุนอาจไม่เคยรู้
คณาจารย์พิธีมหาพุทธาภิเษก "555 โตแน่นอน"
พบกลองโบราณโผล่ริมฝั่งโขง อายุ 800 ปี
พบ! เศียรพระเก่าแก่-พร้อมพระกรุกลางน้ำโขง
ประวัติพระสมเด็จวัดสะแก เมืองโคราช
เหรียญหลวงพ่อคูณปี 12 องค์แรก
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระอรหันต์
หลวงพ่อคูณ รุ่นอรหันต์สร้างบารมี ๙๑
หลวงพ่อทอง หนึ่งในศิษย์เอกหลวงพ่อคูณ
หลวงพ่อคูณนั่งยองหลวงพ่อทองนั่งยันต์
เหรียญเลื่อนหลวงปู่ทวดปี 08 ราคา 10 ล้าน
เนื้อนวโลหะเต็มสูตรคืออะไร?
EOD2 กับ รหัสโค๊ดของเนื้อพระ
EOD2 สุดยอดเหรียญหลวงพ่อคูณ

ประวัติพระพุทธชินราช
หนึ่งเดียวในโลก [One in the World]

ประวัติพระพุทธชินราช

เมื่อกล่าวถึงพระพุทธรูปที่มีความงามเป็นเลิศ ทุกคนต้องนึกถึงพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก อย่างแน่นอน เพราะเป็นพระพุทธรูปที่สง่างามล้ำค่าไปด้วยศิลปกรรมเลิศล้ำด้วยคุณลักษณะ กว่าพระพุทธรูปทั้งหมดในแผ่นดิน นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีทุกสมัย ต่างตกลงใจเป็นอย่างเดียวกันว่าพระพุทธชินราชนั้นงามเป็นหนึ่ง ประดุจดั่งเพชรเม็ดงามที่ล้ำค่ามหาศาล ศิลปะที่ปรากฏผ่านสายตา เป็นที่สร้างศรัทธาเลื่อมใส จับจิตใจของผู้พบเห็น เป็นที่น่าอัศจรรย์ ยากที่จะพรรณนาความงามให้หมดสิ้นได้ นำความเอิบอิ่มใจมาให้เป็นทัศนานุตตริยะอย่างยอดเยี่ยม และเต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธลักษณะที่เลอเลิศทำให้เกิดความคิดเป็นอัศจรรย์ว่า เป็นพุทธปฏิมาที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์จริงหรือ และเมื่อได้เข้าใกล้ประหนึ่งได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นที่ปลื้มใจได้ปีติของคนทั่วหล้า ผู้ที่มาแล้วอยากที่จะกลับมาอีกครั้ง เหมือนกับมีพลังดลใจไม่มีเบื่อ ความงามและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระพุทธชินราช ยังประกาศประจักษ์เป็นพยานผ่านกาลเวลามาทุกยุคทุกสมัย เป็นที่พึ่งทางใจของคนทุกชนชั้น อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย ผู้ที่มีความทุกข์ใจกาย ก็ผ่อนคลายยามเมื่อได้เห็น กลายเป็นความสุขอย่างประหลาด เหมือนหยาดน้ำฝนที่ตกลงในที่แห้งแล้งกันดาร ย่อมเป็นที่สำราญของสรรพสัตว์นานาชนิด เหมือนได้ชุบชีวิตจากตายแล้วเกิดใหม่

องค์พระพุทธชินราชยังประกาศความงามเป็นหนึ่งให้โลกได้ประจักษ์ตา ผู้คนทุกชาติภาษา ต่างติดตราตรึงใจเมื่อได้ยลเหมือนต้องมนต์ให้หลงใหล ใคร่อยากจะทัศนาให้เป็นเวลานาน ไม่อยากที่จะผ่านเลยไป ความอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่บนผืนแผ่นดินนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งล้ำค่าเกิดขึ้นได้ จึงหวนใจคิดว่าถ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์ จะงามเลิศล้นสักแค่ไหน

ต้องกล่าวสรรเสริญองค์พระยาลิไทจอมกษัตริย์และช่างผู้เจนจัดในศิลปกรรม มีจิตเลิศล้ำบริสุทธิ์เป็นอเนกอนันต์ที่ได้รังสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย อันเป็นศูนย์รวมใจของชนทั้งชาติ และประกาศความเป็นหนึ่งแห่งศิลปะให้โลกได้รับรู้เพื่อเชิดชูด้านวิจิตรศิลป์ของชนชาติไทย .

"พุทธเอยพุทธชินราช งามเอยงามโอภาสมหาศาล

ศักดิ์เอยศักดิ์สิทธิ์หาใดปาน คู่เอยคู่สถานไทยแผ่นดิน

ล้ำเอยล้ำเลิศประเสริฐสุนทร์ สวยเอยสวยละมุนด้วยศาสตร์ศิลป์

เด่นเอยเด่นหล้าทั่วธานินทร์ สุขเอยสุขจินต์เมื่อยามยล ฯ"

พิษณุ เมืองพระงาม.

ประวัติพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
ประวัติพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปสำคัญของคนไทย พระพุทธชินราช องค์ที่ประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลกนั้นเป็นที่ รู้กันว่ามีความสำคัญมากองค์หนึ่ง และถูกยกย่องว่า "งาม" ที่สุดในบรรดา พระพุทธรูปทั้งหลายในเมืองไทย



พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารใหญ่ด้านทิศตะวันตกของ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งเป็นด้านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระพุทธชินราช มีหน้าตักกว้าง ๕ ศอก คืบ ๕ นิ้ว ผันพระพักตร์ไปทางแม่น้ำ



ประวัติการสร้างพระพุทธชินราช ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในปีใด แต่ก็มีการสันนิษฐานโดยอ้างอิงตามพงศาวดารเหนือคาดว่า ตำนานพระพุทธชินราช น่าจะสร้างพร้อมกับพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ในรัชสมัย พระมหาธรรมราชาที่ 1(ลิไท) จากนั้นจึงมีการลงรักปิดทององค์พระเป็นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะ ลงรักปิดทองอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 และมีการบูรณะครั้งล่าสุดในรัชกาลที่ 9 พระพุทธชินราช นี้เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย หมวดพระพุทธชินราช ลักษณะขององค์พระเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขโนงโก่ง พระเนตรประดุจตากวาง พระนาสิกโด่ง ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกัน อยู่ในลักษณะปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวาขององค์พระ มียักษ์ 2 ตน คอยปกปักรักษาองค์พระอยู่ อีกทั้งยังมีพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีซุ้มเรือนแก้ว ประวัติพระพุทธชินราช ที่คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยาลักษณะเป็นรูปตัวเหรา ถือเป็นศิลปะที่สวยงามมากอย่าหนึ่ง พระพุทธชินราช ประดิษฐานในวิหารลักษณะเก้าห้อง ซึ่งมีการบูรณะปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้องค์พระสวยงามบริบูรณ์อย่างในปัจจุบัน และในประวัติศาสตร์ยังพบว่ากษัตริย์ในทุกๆสมัยของไทยให้ความเคารพและศรัทธาต่อองค์ พระพุทธชินราช มาอย่างต่อเนื่องทุกๆพระองค์



พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยทรงเคารพนับถือสักการะบูชา มาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังมีรายพระนามที่ปรากฎในพงศาวดาร คือ สมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร สมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา พระเจ้าบรมโกฐ พระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี องค์ต่อ ๆ มาเกือบทุกพระองค์...



พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสรรเสริญไว้ว่า พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศาสดา ทั้ง ๓ พระองค์ เป็นพระพุทธปฏิมากรดีล้ำเลิศ ประกอบไปด้วยพุทธลักษณะอันประเสริฐ มีสิริอันเทพยดาหากอภิบาลรักษา ย่อมเป็นที่สักการะบูชานับถือแต่โบราณ คาถาบูชาพระพุทธชินราช ประวัติพระพุทธชินราช

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เรียกกันทั่วไปว่าวัดใหญ่หรือวัดหลวงพ่อพระพุทธชินราช เป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิมสร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย ต่อมาเมื่อ ปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด วรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญยิ่งทั้งทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี


วัด พระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงกล่าวถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารไว้ว่า " เป็นวัดใหญ่และเป็นวัดที่สำคัญกว่าวัดอื่นในเมืองพิษณุโลก มีพระมหาธาตุอยู่กลางเห็นจะสร้างตั้งแต่สุโขทัยเป็นราชธานี หากแต่ซ่อมแซมมาหลายครั้งหลายสมัย"



วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยตอนต้น แต่ในพงศาวดารเหนือกล่าวไว้ว่า


" ในราวพุทธศักราช ๑๙๐๐ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาอื่น ๆ จนช่ำชองแตกฉาน หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กลาง มีพระวิหาร ๔ ทิศ มีพระระเบียง ๒ ชั้น และทรงรับสั่งให้ปั้นหุ่นหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง ๓ หลัง"




นอก จากนี้วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุล้ำค่าอีกมากมาย ดังที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ว่า " นมัสการพระพุทธชินราชแล้ว ดูธรรมมาสน์เทศน์ ธรรมาสน์สวด ดูเรือนแก้ว แลสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ ล้วนเป็นของดีอย่างเอก ไม่เคยพบไม่เคยเห็น"


การ วางผังของวัด มีพระปรางค์เป็นองค์ประธานของวัด รอบองค์พระปรางค์มีระเบียงคตแลมีวิหารทิศ พระวิหารทางทิศตะวันออกเป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส ที่เรียกกันว่าวิหาร เก้าห้อง ปัจจุบันคงเหลือพระอัฏฐารส เสาและเนินพระวิหารบางส่วน พระวิหารทางด้านทิศตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระวิหารทางด้านทิศเหนือ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินสีห์ พระวิหารด้านทิศใต้เป็นที่ประดิษฐานพระศรีศาสดา ซึ่งปัจจุบันพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดาได้ถูกอันเชิญไปประดิษฐานที่วัด บวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารจึงได้สร้างองค์จำลองขึ้นแทน.

 

WAT PHRA SRI RATTANA MAHATHAT

This temple is called by general people as " WAT YAI" or "WAT LUANG POR PHRA BUDDHA CHINNARAJ" Phrabat Somdej Phra Mongkutklao ( King Rama VI ) classified as " Vora Maha Viharn" or the first grade of Royal Temple in the year of 1915 (B.E.2458). At the present , Wat Yai is named " Wat Phra Sri Rattana Mahathat"

Wat Phra Sri or Wat Yai situates on the east bank of Nan River opposite the Phitsanulok City Hall. Prince Damrong Rajanupab said about Wat Phra Sri Rattana Mahathat.

"The temple is a big and more important than other temples in Phitsanulok and is believed that was built in the Sukhothai period being renovated form time to time".

The temple was built in the time of Phra Maha Dhamma Raja (King Li Thai) alias Phra Chao Sri Dhamma Tri Pidok when the town of Songkwai(Phitsanulok) was built in 1357 (B.E.1900). The Northern history stated that.

In the year of 1357 Phra Chao Sri Dhamma Tri Pidok (Phra Maha Dhamma Raja ,King Li Thai) was a pious king, a true believer in the Buddhism. He studied the Tri-Pidok and teachings of other religions fluently. He built up Wat Phra Sri Mahathat on the east side with a Pagoda in the middle compounds, 4 Viharns in the 4 corners with 2 terraces and casted 3 Buddha images as Main Buddha in the temple.

There are many antiques and valuable of unestimated value in the temple. Somdej Phra Chao Boromwong Ther Krom Phraya Narissara(Prince Naris) wrote:

"After paying homage to Phra Buddha Chinnaraj, I took notice of pulpits, the pavilion and others, I found them to be of an exquisitely designs I have never met before

 
"กมฺมุนา วตฺตตีโลโก....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" พระพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้ เป็นคำตอบที่ชัดแจ้ง สำหรับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นมากมายของโลกใบนี้
สุขสร้างได้ จงอย่าเห็นแก่ตัว สำนึกในหน้าที่ของความเป็นไทย รักประเทศไทย โปรดสร้างความสงบสุขให้คนในชาติ ช่วยกันทำให้ประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
จงอย่าทะเลาะกัน อย่าสนับสนุนคนชั่วที่ทำตัวเป็นมะเร็งร้ายทำลายประเทศชาติ เพียงแค่นำความโลภ มาเป็นตัวคอยกำหนดชะตาชีวิต มันมีความสุขจริงหรือ จงคิดไว้เสมอ "นรกมีจริง"
Flag Counter
ID : 555happyok
©  555happyprathai  all  right  reserved.